เอาละครับ เรามาเข้าเนื้อหาของโพสนี้กันดีกว่า ก่อนอื่น เรามาทำความเข้าใจกับความหมายของคำว่า vendor-neutral certification ซึ่งหมายถึง cert ประเภทที่ไม่ยึดติดหรือมีเนื้อหาของข้อสอบที่เกี่ยวกับเทคโนโลยีของบริษัทใดเพียงบริษัทเดียว เนื้อหาของ cert ประเภทนี้จะเป็นลักษณะที่เน้นทางด้านวิชาการ ภาพรวมหรือ concept โดยสามารถนำความรู้เหล่านี้ไปประยุกต์ใช้กับเทคโนโลยีของบริษัทไอทีต่างๆ ได้ ซึ่ง cert ทางด้าน IT Security มักจะเป็นแบบ vendor-neutral เพราะว่าการรักษาความปลอดภัยของระบบไอทีนั้น มันเป็นส่วนหนึ่งของทุกๆ เทคโนโลยีภายในองค์กร ไม่ว่าจะเป็น software หรือ hardware ก็ตาม และผู้ที่ทำงานด้าน IT Security ก็ควรที่จะมีความรู้ในหลายๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นด้าน OS (เช่น Windows และ Linux) หรือ Networking (เช่น Firewall, IDS/IPS และ Anti-Spam) เพื่อที่จะสามารถวางแผนการป้องกันระบบไอทีจากการถูกโจมตีหรือถูกแฮกให้ได้มีประสิทธิภาพในทุกๆ ด้าน
ดังนั้น เนื้อหาของข้อสอบด้าน IT Security มักจะเป็นการผสมผสานกันขององค์ความรู้ไอทีหลายๆ ด้านเข้ามาไว้ด้วยกัน โดยส่วนใหญ่จะไม่ค่อยเน้นด้านเทคนิคมากนัก (ยกเว้นว่าเราจะไปสอบ cert สำหรับการเป็นนักเจาะระบบ หรือที่เรียกว่า Penetration Tester) จึงทำให้การเตรียมตัวอ่านหนังสือสอบนั้นใช้เวลาพอสมควร โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่ยังมีประสบการณ์ทำงานไม่มากนัก ก็ต้องขยันกันหน่อยนะครับ (อยากมัวแต่เอาเวลาพักไปนั่งเล่นเกมส์คอมนะครับ คงต้องเปลี่ยนมาเป็นนั่งอ่านหนังสือแทน :-)
สำหรับ cert ตัวแรกที่ผมจะแนะนำ คือ Security+ (หรือเรียกสั้นๆ ว่า Sec+) เหมาะสำหรับผู้ที่เริ่มต้นในการทำงานสาย security เพราะว่าเป็น cert ขั้นพื้นฐานครับ เนื้อหาในการเตรียมตัวสอบนั้นไม่ลึกมาก แต่ก็มีให้อ่านมากพอสมควรนะครับ
CompTIA Security+
- ราคาค่าสอบ: $276
- วัน/สถานที่สอบ: สามารถนัดวันที่จะสอบได้เองกับทางศูนย์สอบ Prometric หรือ Pearson VUE
- รายละเอียดของข้อสอบ: 100 ข้อ multiple choices 90 นาที
- คะแนนผ่าน: 750 (ต่ำสุดคือ 100 สูงสุดคือ 900)
- เนื้อหาที่สอบ: ครอบคลุมพื้นฐานความรู้ด้าน IT Security โดยรวม เช่น Network security, Threats and vulnerabilites, Access control, Cryptography, และ Compliance and operational security เป็นต้น
- References:
Certified Information Systems Auditor (CISA)
- ราคาค่าสอบ: สำหรับคนที่สมัครสอบครั้งแรก ผมแนะนำให้สมัครเป็นสมาชิก (member) ของ ISACA ไปด้วยเลยครับ (ราคาค่า member ประมาณ $130) เพราะนอกจากจะได้ส่วนลดค่าสอบแล้ว (ซึ่งพอคำนวนดูก็เหมือนได้สมัครฟรีนั่นเอง) ก็ยังจะได้รับนิตยสารของ ISACA ด้วยกับข่าวสารอัพเดททางอีเมล์ ให้เลือกจ่ายค่าสอบผ่านบัตรเครดิตออนไลน์จะได้ราคาถูกที่สุด ซึ่งมีด้วยกันสองราคา
- Early registrations: ถ้าเราสมัครสอบภายใน 10 ก.พ. (รอบแรก) หรือ 15 ส.ค. (รอบสอง) ค่าสอบก็จะเท่ากับ $395 (ราคา member)
- Final registrations: Deadline ในการสมัครสอบคือ 20 เม.ย. (รอบแรก) และ 3 ต.ค. (รอบสอง) ค่าสอบก็จะเท่ากับ $445 (ราคา member)
- วัน/สถานที่สอบ: เปิดสอบปีละสองครั้ง (กลางปีกับปลายปี เดือนมิถุนายนกับธันวาคม) สมัครสอบผ่านเว็บ โดยสถานที่สอบนั้นอาจจะเปลี่ยนแปลงได้ในแต่ละปี ต้องเช็คดูจากเว็บ ทั้ง CISA และ CISM สอบพร้อมกัน
- รายละเอียดของข้อสอบ: 200 ข้อ multiple choices 4 ชม.
- คะแนนผ่าน: 450 (ต่ำสุดคือ 200 สูงสุดคือ 800)
- เนื้อหาที่สอบ:
- หัวข้อสำหรับ CISA
- The Process of Auditing Information Systems (14%)
- Governance and Management of IT (14%)
- Information Systems Acquisition, Development and Implementation (19%)
- Information Systems Operations, Maintenance and Support (23%)
- Protection of Information Assets (30%)
- หัวข้อสำหรับ CISM
- Information Security Governance (24%)
- Information Risk Management and Compliance (33%)
- Information Security Program Development and Management (25%)
- Information Security Incident Management (18%)
- References:
Certified Information Systems Security Professional (CISSP)
- ราคาค่าสอบ:
- Early registration (สมัครก่อนวันสอบ 16 วัน): $549
- Standard registration: $599
- วัน/สถานที่สอบ: สมัครสอบโดยตรงผ่านทางเว็บ โดยปกติจะเปิดสอบปีละสองครั้ง
- รายละเอียดของข้อสอบ: 250 ข้อ multiple choices 6 ชม.
- คะแนนผ่าน: 700 (ต่ำสุดคือ 0 สูงสุดคือ 1,000)
- เนื้อหาที่สอบ: มีทั้งหมด 10 หัวข้อ ได้แก่
- Access Control
- Telecommunications and Network Security
- Information Security Governance and Risk Management
- Software Development Security
- Cryptography
- Security Architecture and Design
- Operations Security
- Business Continuity and Disaster Recovery Planning
- Legal, Regulations, Investigations and Compliance
- Physical (Environmental) Security
- References:
- ราคาค่าสอบ:
- Early registration (สมัครก่อนวันสอบ 16 วัน) : $250
- Standard registration: $300
- วัน/สถานที่สอบ: สมัครสอบโดยตรงผ่านทางเว็บ โดยปกติจะเปิดสอบปีละสองครั้ง (พร้อมกันกับการสอบ CISSP)
- รายละเอียดของข้อสอบ: 125 ข้อ multiple choices 3 ชม.
- คะแนนผ่าน: 700 (ต่ำสุดคือ 0 สูงสุดคือ 1,000)
- เนื้อหาที่สอบ: มีทั้งหมด 7 หัวข้อ ได้แก่
- Access Controls
- Cryptography
- Malicious Code and Activity
- Monitoring and Analysis
- Networks and Communications
- Risk, Response and Recovery
- Security Operations and Administration
- References:
ส่วนของค่าย EC-Council นั้น cert ที่เป็นที่รู้จักกันดีก็คือ CEH ครับ ซึ่งเป็น cert สำหรับผู้ที่ต้องการจะทำงานเป็นนักเจาะระบบหรือแฮกเกอร์ (hacker) นั่นเอง
- ราคาค่าสอบ: $500
- วัน/สถานที่สอบ: สามารถสมัครและนัดวันสอบได้ทางเว็บ สอบได้ที่ศูนย์สอบ เช่น Prometric หรือ VUE
- รายละเอียดของข้อสอบ:
- CEHv7: 150 ข้อ multiple choices 4 ชม.
- CEHv8: 125 ข้อ multiple choices 4 ชม.
- คะแนนผ่าน: 70%
- เนื้อหาที่สอบ: ข้อสอบจะเน้นไปทางเทคนิคมากกว่าทางวิชาการ เช่น จะถามเกี่ยวกับวิธีการใช้ tools ต่างๆ เป็นต้น
- References:
- ราคาค่าสอบ: $999 (ขึ้นอยู่กับ cert ที่เราจะสอบ ราคานี้เป็นแค่ค่าสอบเท่านั้น ไม่ได้รวมค่าเรียน ถ้าจะลงเรียนด้วยแบบออนไลน์พร้อมสอบ ราคาก็จะอยู่ที่ประมาณตั้งแต่ $4,000 ขึ้นไป)
- วัน/สถานที่สอบ: สามารถสมัครและนัดวันสอบได้ทางเว็บ สอบได้ที่ศูนย์สอบ เช่น Prometric
- รายละเอียดของข้อสอบ: ขึ้นอยู่กับ cert ที่สอบ ยกตัวอย่างเช่น ข้อสอบของ GCIA จะมี 150 ข้อ multiple choice 4 ชม.
- คะแนนผ่าน: ขึ้นอยู่กับ cert ที่สอบ ยกตัวอย่างเช่น ข้อสอบของ GCIA จะต้องได้คะแนนไม่น้อยกว่า 67.3% (ตอบถูก 101 ข้อจากทั้งหมด 150 ข้อ)
- เนื้อหาที่สอบ: ขึ้นอยู่กับ cert ที่สอบ
- References:
แต่ก็อย่าลืมนะครับว่า ถึงแม้เราจะสอบผ่านแล้ว แต่ถ้าเราไม่ได้นำความรู้ที่ได้มาใช้ในการทำงานอยู่อย่างสม่ำเสมอ ท้ายสุดเราก็จะลืม ความรู้ที่ได้มาจากการสอบ cert ก็จะสูญเปล่า มีเพียงแค่เอาไว้โชว์เท่ๆ ในนามบัตรแค่นั้นเอง ก็เหมือนกับการเรียนจบปริญญาตรีจากมหาลัยนั่นแหละครับ กว่าจะเรียนจบมาได้ 4 ปี+ เรียนตั้งไม่รู้กี่วิชา จบมาหางานทำ ใช้ความรู้อยู่ไม่กี่อย่าง ที่เหลือก็คืนอาจารย์หมด (ซึ่งตัวผมเองก็เป็นเหมือนกันครับ) เพราะฉะนั้น เราไม่ควรที่คิดที่จะสอบให้ผ่านเพียงอย่างเดียว แต่ควรที่จะมุ่งมั่นกับการหาความรู้ ทำความเข้าใจและนำความรู้ที่ได้มาใช้งานภาคปฎิบัติให้ได้จริงดีกว่าครับ เพราะถ้าเรารู้จริงแล้ว ข้อสอบจะยากแค่ไหน เราก็ต้องสอบผ่านอยู่แล้ว จริงมั้ยครับ ;-)
ขอให้จำไว้นะครับว่า "ประสบการณ์ทำงานจริงมีค่ามากกว่าการแค่สอบผ่าน cert"
2 comments:
Like หวะ
ตอนนี้มี CCNA อายุ 25 ปี
อยากโตไปสาย Security รบกวนเรียงลำดับ Certificate ที่จำเป็น
เรียงตาม Career Path หน่อยครับ
Post a Comment